ความพิเศษของการว่ายน้ำ คือ หลังจากว่ายเสร็จแล้วร่างกายยังจะเผาผลาญพลังงานต่อเนื่อง ไปอีกประมาณ 30 นาที สามารถเปลี่ยนการได้ใส่ชุดบิกินี่สวย ๆ ไปเป็นการช่วยลดน้ำหนักได้อีกวิธีนึง แล้วออกไปว่ายน้ำกันดีกว่านะจ๊ะสาว ๆ
1. ท่าฟรีสไตล์ (Freestyle)
ท่านี้เป็นท่าที่มีความต่อเนื่องในการทำงานของร่างกายอย่างดี คุณสามารถว่ายท่านี้ได้อย่างง่ายดาย แต่คุณต้องพยายามที่รักษาความนิ่มนวลและความพลิ้วไหวในการว่ายด้วย ถ้าคุณสามารถทำตัวให้ลื่นไหลไปเรื่อย ๆ ได้ก็จะดีมาก ไม่เพียงแต่ท่าฟรีสไตล์เท่านั้น ทุก ๆ ท่า ก็ต้องนิ่มนวล และพลิ้วไหวเช่นกัน
สำหรับการว่ายน้ำท่าฟรีสไตล์ (Freestyle) จะช่วยเผาผลาญพลังงาน ได้ราว ๆ 68.8 กิโลแคลอรี่ต่อ 10 นาที ช่วยกระชับกล้ามเนื้อบริเวณสะโพก ท้อง และ ไหล่ให้แข็งแรง
2. ท่ากบ (Breaststroke)
ในการว่ายท่ากบนั้น จังหวะเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะท่ากบต้องอาศัยความสัมพันธ์ของแขนกับขาเพื่อให้เกิดความลู่น้ำและความเร็วมากที่สุด ถ้าคุณว่ายผิดจังหวะแล้ว คุณจะไปได้ช้าและเหนื่อยกว่าปกติ ดังนั้น การว่ายท่ากบจึงต้องอาศัยการฝึกฝนและเทคนิคสักหน่อย
สำหรับการว่ายน้ำท่ากบ (Breaststroke) จะช่วยเผาผลาญพลังงาน ได้ราวๆ 98.3 กิโลแคลอรี่ต่อ 10 นาที ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ ขา แขน หน้าอก และหัวไหล่
3. ท่ากรรเชียง (Backstroke)
ในการเตะขาท่ากรรเชียงนั้น จะมีน้ำหนักในการเตะขามากกว่าท่าฟรีสไตล์ โดยเป็นการเตะในลักษณะสะบัดน้ำขึ้นไปทำให้ขาต้องทำงานหนักกว่าปกติ แต่การเตะที่ถูกต้องก็จะช่วยเสริมให้การว่ายดีขึ้นและอย่างที่บอกคือจะทำให้การทรงตัวของร่างกายสมบูรณ์แบบ
สำหรับการว่ายน้ำท่ากรรเชียง (Backstroke) จะช่วยเผาผลาญพลังงาน ได้ราว ๆ 68.8กิโลแคลอรี่ต่อ 10 นาที และยังช่วยกระชับกล้ามเนื้อบริเวณท้อง ต้นขา และหัวไหล่