วันนี้ Healthy Dee อยากแนะนำใครหลายคน ที่อยากวิ่งเพราะอยากลดความอ้วน วิ่งแล้วได้ภาพสวยน่ารัก หุ่นดี เหงื่อเต็มหน้า เอ๊กซ์ฝุดๆ แต่ทำไม ยิ่งวิ่ง เค้ายิ่งอ้วนอะเตง? 😅เค้าทำไรผิดหรอ?
โอเค ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มนั้นละก็ บทความนี้เพื่อคุณเลยจ้า.. สำหรับ การวิ่งเพื่อการลดความอ้วน ที่เรารู้วัตถุประสงค์ชัดเจนแบบนี้ ดีเลยค่าา เพราะเทคนิคที่วิ่งแล้วทำให้ลดความอ้วน ย่อมแตกต่างจากวิ่งเพื่อชิงถ้วยแน่นอน ถ้าเราชัดเจน เราก็มุ่งไปทางที่เราตั้งเป้าไว้เลย
วิ่งช้า ๆ แต่วิ่งบ่อย ๆ
เรื่องนี้สำคัญสุดเลยในการวิ่งเพื่อลดความอ้วน ที่เราอ้วน เพราะเรารวยไขมันค่ะ เรามีอันจะกิน พวกเราก็เลยมีไขมันสะสมไว้เยอะเกินไปนิดนึงค่ะ ดังนั้นการวิ่งเพื่อลดความอ้วน เราจึงเน้นการเบิอร์นไขมันค่ะ วิ่งแล้วให้ไขมันมันโดนเผาผลาญไป ยิ่งหมดไปเยอะๆยิ่งผอมลงจ้า
ร่างกายเราเป็น ระบบ Hybrid คุณหมอโยะชิโนะริ นางุโม (Yoshinori Nagumo) เขียนบอกไว้ในหนังสือ “ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี” คือ บางจังหว่ะร่างกายจะเผาไขมันเพื่อเปลียนเป็นพลังงาน ในบางจังหว่ะร่างกายจะเผาน้ำตาลมาเป็นพลังงาน ดังนั้นการวิ่งเผื่อผอม ไม่หวังถ้วย เราจึงวิ่งที่หวังจะเผาผลาญไขมันค่ะ
ในวงการวิ่ง เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ถ้าเราวิ่งด้วย Heart Rate แถวๆ โซน 1 หรือ โซน 2 จะเป็นโซนที่ร่างกายเผาผลาญไขมันมาใช้เป็นพลังงาน แต่ถ้าวิ่ง Heart Rate แถวๆ โซน 4 โซน 5 ไป ร่างกายจะเผาน้ำตาลมาใช้เป็นพลังงานแทน
ดังนั้นการวิ่งเพื่อลดความอ้วน เราจึงไม่เน้นวิ่งเร็ว ไม่เน้นความแรง แบบที่วิ่ง HRZ4 หรือ 5 ไม่งั้น แบบนี้ ยิ่งวิ่งก็ยิ่งหิวค่าาาา ยิ่งหิวเราก็ยิ่งกิน อ้าววว แย่ละสิ ยิ่งวิ่ง ยิ่งหิว ยิ่งกิน ยิ่งอ้วน แล้วเค้าจาวิ่งไปไมเนี่ย?
แล้วเราวิ่ง HRZ (Heart Rate Zone) ไหน จะรู้ได้ยังไงละคะ?
HRZ ของแต่ละคนไม่เท่ากันจ้า ขึ้นอยู่กับ อัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด (ซึ่งมักจะขึ้นกับอายุด้วย) เอาเป็นว่า ถ้าอยากรู้ HRZ เอาแน่ๆชัดๆ ก็ซื้อนาฬิกาวิ่ง พวก Garmin หรือ Apple Watch หรือ อะไรก็ได้ที่จับ Heart Rate ได้ซักเรือนนึง ใส่ไปวิ่ง ในนั้นมันจะบอก HRZ ให้เรารู้ตลอดเวลาที่เราวิ่งเลยจ้า ถ้าเป็นแบบนั้น พอเริ่มวิ่งเกิน Zone 3 เราก็รู้ตัวละ ระบบ Hybrid ร่างกายเราเริ่ม switch ไปใช้น้ำตาลละนะ เราก็ผ่อนเครื่องหน่อย วิ่งช้าลง ให้มัน switch กลับมาที่ไขมัน แล้วก็วิ่งแบบนี้ไปเรื่อยๆจ้า
แต่ถ้าเอาแบบง่ายๆ คนงบน้อยหอยน้อยอย่างแอด อย่าว่าแต่ตังค์จะซื้อการ์มินเลย ตังค์จะซื้อมาม่ากินปลายเดือนยังไม่ค่อยจะพอ 555 เราก็จะประมาณ HRZ เอาง่ายๆจากเหงื่อจ้า (อันนี้แบบประมาณสุดๆนะ ห้ามใช้เป็นบรรทัดฐาน) ก็คือ ตอนวิ่งเร็วๆแล้วเหงื่อแตกพลั่กๆ ตอนนั้น HRZ ประมาณ Zone 4 โซน 5 แต่ถ้าวิ่งแล้ว มีเหงื่อซิบๆ พอจะยังคุยได้เป็นคำๆ อันนั้นก็น่าจะต่ำกว่า โซน 3 อันนี้เป็นการประมาณแบบ ประม๊าน ประมาณ นะจ๊ะ (แต่ถ้าให้ดี แอดแนะนำว่า งดมาม่าสะสมตังค์ซื้อนาฬิกาจะดีกว่าจ้า 555)
คนอ้วนแบบพวกเรามักจะเหนื่อยง่ายค่ะ (แม้ว่าอันนี้จะเป็นเรื่องที่ไม่จริง เพราะเราคิดไปเองก็ตาม) เราก็เลยไม่ควรจะวิ่งนานนัก เอาซัก 30 นาทีพอละ
แต่...
แต่...
เคล็ดลับเรื่องนี้อยู่ที่ ความต่อเนื่อง ค่ะ ทำวันละ 30 นาที แต่ให้ทำบ่อยๆนะ ถ้าทุกวันได้จะดีมากกก ถ้าไม่ได้ ก็ซัก วันเว้นวันก็ยังดี ช่วงแรกๆต้องฝืนใจบังคับตัวกันหน่อย แต่เชื่อแอดเถอะค่ะ อีกไม่นาน ซัก 2-3 อาทิตย์ ร่างกาย เราจะรู้สึกติดการวิ่ง หรือที่นักวิ่ง เรียกกันว่า Runner’s High (อาการเมามายติดการวิ่ง) แล้วตอนนั้นเราจะ อยากวิ่งขึ้นมาเองเลย ไม่ต้องบังคับก็อยากไปวิ่งเอง
สาระของเทคนิคข้อนี้ อยู่ที่ #ความสม่ำเสมอ เพราะไขมันที่ถูกเผาผลาญไป มันจะถูกเติมกลับมาสู่ร่างกายอีกครั้ง โดยการเปลี่ยนนำ้ตาลที่เรากินเข้าไปใหม่มาเป็นไขมันสะสมอีก (เราคนมีอันจะกิน ก็งี้หล่ะค่ะ คริคริ พวกเราสะสมไขมันแทนเงินในธนาคารค่ะ 5555) ดังนั้นความสม่ำเสมอ ช่วยคุณได้ ถ้าคุณเบิร์นมันออกไปทุกวัน ในอัตราที่มากกว่าปริมาณที่มันเข้ามาสะสมใหม่ ผลลัพธ์คือ คุณก็จะได้ดุลการไขมันค่ะ #งบดุลไขมันจะเป็นลบ ไขมันโดยรวมในตัวคุณก็จะค่อยลดลงเรื่อยๆ ลดลงอย่างสุขภาพดี ลดลงแบบไม่ต้องใช้ยา
เทคนิคจำง่ายๆในการวิ่งลดความอ้วน #วิ่งช้าๆวิ่งบ่อยๆ
ถ้าชอบบทความนี้ ก็แชร์ไปได้เลยจ้า ยินดีๆๆ
ที่มา: ThaiRun ฮับความสุขนักวิ่ง